วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ลมบก ลมทะเล ลมภูเขา ลมหุบเขา และลมอื่นๆ

          ลมบก ลมทะเล (Sea Breeze & Land Breeze) แยกพิจารณาได้ตามการเกิดของช่วงเวลาระหว่างวัน ดังนี้ ลมทะเล (Sea Breeze) เกิดในช่วงเวลากลางวัน ซึ่งเป็นลมที่พัดจากทะเลเข้ามาสู่พื้นดินบริเวณชายฝั่งทะเล เนื่องจากความแตกต่างระหว่างการรับและคายความร้อนระหว่างพื้นดินและพื้นน้ำ โดยในช่วงเวลากลางวันพื้นดินและพื้นน้ำได้รับความร้อนเท่ากัน แต่พื้นดินร้อนได้เร็วกว่าพื้นน้ำ แต่ร้อนเฉพาะพื้นผิวหน้าดิน พื้นน้ำจะร้อนได้ช้ากว่าเนื่องจากน้ำมีความร้อนจำเพาะสูง และมีการระเหยกลายเป็นไอมากกว่าพื้นดิน ตลอดจนพื้นน้ำมีความปั่นป่วนหมุนเวียนถ่ายเทความร้อนได้ดีกว่า น้ำทะเลจึงร้อนช้ากว่าพื้นดิน เมื่อพื้นดินมีอุณหภูมิสูงกว่าจึงเกิดการยกลอยตัวของอากาศสูงขึ้น และอากาศเหนือพื้นน้ำจึงเคลื่อนเข้ามาแทนที่ เกิดเป็นลมทะเลที่มีทิศทางการพัดจากทะเลเข้าสู่พื้นดินในเวลากลางวัน
ลมบก (Land Breeze) เกิดในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งเป็นลมที่พัดจากพื้นดินสู่ทะเล เนื่องจากในเวลากลางคืนพื้นดินคายความร้อนได้เร็วกว่าพื้นน้ำ อุณหภูมิบนพื้นดินจึงต่ำกว่า ในขณะที่พื้นน้ำจะร้อนกว่าเนื่องจากคายความร้อนได้ช้ากว่า พื้นน้ำจึงมีอุณหภูมิสูงกว่า อากาศร้อนบนพื้นน้ำจึงลอยตัวสูง และอากาศเย็นจากพื้นดินจึงพัดเข้าไปแทนที่ทำให้เกิดลมบกที่พัดจากฝั่งเข้าสู่ทะเลลมบก (Land Breeze) เกิดในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งเป็นลมที่พัดจากพื้นดินสู่ทะเล เนื่องจากในเวลากลางคืนพื้นดินคายความร้อนได้เร็วกว่าพื้นน้ำ อุณหภูมิบนพื้นดินจึงต่ำกว่า ในขณะที่พื้นน้ำจะร้อนกว่าเนื่องจากคายความร้อนได้ช้ากว่า พื้นน้ำจึงมีอุณหภูมิสูงกว่า อากาศร้อนบนพื้นน้ำจึงลอยตัวสูง และอากาศเย็นจากพื้นดินจึงพัดเข้าไปแทนที่ทำให้เกิดลมบกที่พัดจากฝั่งเข้าสู่ทะเลลมบก (Land Breeze) เกิดในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งเป็นลมที่พัดจากพื้นดินสู่ทะเล เนื่องจากในเวลากลางคืนพื้นดินคายความร้อนได้เร็วกว่าพื้นน้ำ อุณหภูมิบนพื้นดินจึงต่ำกว่า ในขณะที่พื้นน้ำจะร้อนกว่าเนื่องจากคายความร้อนได้ช้ากว่า พื้นน้ำจึงมีอุณหภูมิสูงกว่า อากาศร้อนบนพื้นน้ำจึงลอยตัวสูง และอากาศเย็นจากพื้นดินจึงพัดเข้าไปแทนที่ทำให้เกิดลมบกที่พัดจากฝั่งเข้าสู่ทะเล ลมภูเขา ลมหุบเขา (Valley Breeze & Mountain Breeze) ลมหุบเขา (Valley Breeze) เกิดขึ้นในเวลากลางวัน ซึ่งบริเวณยอดเขาและลาดเขาจะได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์มากกว่าทำให้อากาศร้อนลอยตัวสูงขึ้น และอากาศบริเวณหุบเขาที่เย็นกว่าเกิดความกดอากาศสูง จะเคลื่อนตัวเข้าไปแทนที่อากาศที่ร้อนบริเวณลาดเขาและยอดเขา ทำให้เกิดลมหุบเขา ซึ่งลมดังกล่าวมีทิศทางการพัดจากหุบเขาไปสู่ลาดเขาและยอดเขา และช่วยในการระบายความร้อนจากหุบเขาไปตามลาดเขาได้ดีในเวลากลางวัน ลมภูเขา (Mountain Breeze) เป็นลมที่เกิดในเวลากลางคืน เมื่ออากาศเย็นตัวอย่างรวดเร็ว ความกดอากาศบริเวณพื้นที่ที่สูงจะมีมากกว่าเนื่องจากพื้นดินคายความร้อนได้เร็วกว่า อากาศบริเวณภูเขาจะไหลลงมาสู่หุบเขาเกิดเป็นลมภูเขาในเวลากลางคืน นำเอาความเย็นมาสู่หุบเขา และถ้าอากาศเย็นและชื้นมากจะก่อให้เกิดหมอกหนาทึบปกคลุมหุบเขา หรืออาจเกิดน้ำค้างแข็งได้ด้วยเช่นกัน

    

          ลมประจำถิ่นในประเทศไทย (Local Wind) ได้แก่ลมที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาต่างๆ ของช่วงปี ซึ่งมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามท้องถิ่นต่างๆ ของประเทศไทย อาทิเช่น ลมว่าว / ลมข้าวเบา เป็นลมที่พัดมาจากทางทิศเหนือลงมายังลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาลงไปทางทิศใต้ เป็นลมหนาวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาต้นฤดูหนาวราวเดือนกันยายน ถึงพฤศจิกายน เป็นช่วงเวลาที่ผู้คนนิยมเล่นว่าว จึงเรียกว่าลมว่าว ส่วนสาเหตุที่เรียกว่าลมข้าวเบา เนื่องมาจากลมพัดผ่านมาในช่วงเวลาที่มีการเก็บเกี่ยวข้าวชนิดหนึ่งในเดือนพฤศจิกายนนั่นเอง ลมตะเภา เป็นลมที่พัดจากอ่าวไทยไปยังที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา หรือเป็นลมที่พัดจากทิศใต้ขึ้นไปยังทิศเหนือ ในช่วงกลางฤดูร้อน โดยเฉพาะในเดือนเมษายนของทุกปี ลมตะเภาจะพัดแรงในเวลากลางวัน เนื่องจากได้รับอิทธิพบจากลมทะเลพัดเข้ามาช่วยเสริม ส่วนเวลากลางคืนจะอ่อนกำลังลงเล็กน้อย เนื่องจากมีลมบกพัดต้านไว้ ในบางครั้งมักมีการเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าลมตะเภาเป็นลมว่าว เนื่องจากเดือนมีนาคม และเดือนเมษายนที่ลมตะเภาพัดผ่าน ผู้คนมักนิยมเล่นว่าวเช่นกัน
ลมสลาตัน / ลมเพชรหึง เป็นลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ มักเกิดในช่วงต้นของการเปลี่ยนฤดูกาล ช่วงเวลาดังกล่าวมักจะเกิดพายุฝน หรือลมแรง ในบางครั้งเรียกว่าลมเพชรหึง ซึ่งเป็นลมพายุใหญ่ มีชื่อเรียกต่างๆ กันไปในแต่ละท้องถิ่น ลมงวง / นาคเล่นน้ำเป็นลักษณะของลมพายุหมุนที่เกิดจากการหมุนเวียนของอากาศภายในเมฆฝน ในบางครั้งเราอาจเห็นเมฆซึ่งมีลักษณะคล้ายงวงยาวลงมาจากฐานเมฆฝน สำหรับประเทศไทยพบลมชนิดนี้เกิดขึ้นในทะเลจึงมักเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ลมสลาตัน / ลมเพชรหึง เป็นลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ มักเกิดในช่วงต้นของการเปลี่ยนฤดูกาล ช่วงเวลาดังกล่าวมักจะเกิดพายุฝน หรือลมแรง ในบางครั้งเรียกว่าลมเพชรหึง ซึ่งเป็นลมพายุใหญ่ มีชื่อเรียกต่างๆ กันไปในแต่ละท้องถิ่น ลมงวง / นาคเล่นน้ำเป็นลักษณะของลมพายุหมุนที่เกิดจากการหมุนเวียนของอากาศภายในเมฆฝน ในบางครั้งเราอาจเห็นเมฆซึ่งมีลักษณะคล้ายงวงยาวลงมาจากฐานเมฆฝน สำหรับประเทศไทยพบลมชนิดนี้เกิดขึ้นในทะเลจึงมักเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ลมสลาตัน / ลมเพชรหึง เป็นลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ มักเกิดในช่วงต้นของการเปลี่ยนฤดูกาล ช่วงเวลาดังกล่าวมักจะเกิดพายุฝน หรือลมแรง ในบางครั้งเรียกว่าลมเพชรหึง ซึ่งเป็นลมพายุใหญ่ มีชื่อเรียกต่างๆ กันไปในแต่ละท้องถิ่น ลมงวง / นาคเล่นน้ำเป็นลักษณะของลมพายุหมุนที่เกิดจากการหมุนเวียนของอากาศภายในเมฆฝน ในบางครั้งเราอาจเห็นเมฆซึ่งมีลักษณะคล้ายงวงยาวลงมาจากฐานเมฆฝน สำหรับประเทศไทยพบลมชนิดนี้เกิดขึ้นในทะเลจึงมักเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ลมสลาตัน / ลมเพชรหึง เป็นลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ มักเกิดในช่วงต้นของการเปลี่ยนฤดูกาล ช่วงเวลาดังกล่าวมักจะเกิดพายุฝน หรือลมแรง ในบางครั้งเรียกว่าลมเพชรหึง ซึ่งเป็นลมพายุใหญ่ มีชื่อเรียกต่างๆ กันไปในแต่ละท้องถิ่น ลมงวง / นาคเล่นน้ำเป็นลักษณะของลมพายุหมุนที่เกิดจากการหมุนเวียนของอากาศภายในเมฆฝน ในบางครั้งเราอาจเห็นเมฆซึ่งมีลักษณะคล้ายงวงยาวลงมาจากฐานเมฆฝน สำหรับประเทศไทยพบลมชนิดนี้เกิดขึ้นในทะเลจึงมักเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "นาคเล่นน้ำ" ลมบ้าหมู เป็นลมที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ มีทิศทางพัดหมุนวนเข็มนาฬิกา มักเกิดบริเวณอากาศร้อนจัด ทำให้อากาศลอยตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และเกิดการไหลเข้ามาแทนที่ของอากาศ เกิดมากในฤดูร้อน อากาศร้อนจัด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น